ads

วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556

ปลาลิ้นหมามีตาข้างเดียวกัน


ปลาลิ้นหมามีตาสองตาอยู่ข้างเดียวกันจริงหรือ


ปลาส่วนใหญ่จะมีตาอยู่ที่ด้านซ้ายและขวาของหัวปลาอย่างสมมาตรกัน  แต่ตาของปลาลิ้นหมานั้นแตกต่างไปจากปลาทั้วไป  คือ ตาทั้งสองข้างของมันจะอยู่ข้างเดียวกัน  ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิต 
ปลาลิ้นหมาวัยอ่อนจะมีลำตัวซีกซ้ายและขวาเท่ากัน  มีตาทั้งสองข้างที่ด้านซ้ายและขวาตามปกติ  แต่เมื่อตัวโตประมาณ  1  เซนติเมตรแล้ว  รูปร่างของมันจะเปลี่ยนไป  ครีบหลัง  ครีบหาง  และครีบก้นจะเชื่อมติดกันจนดูคล้ายใบไม้  ตอนว่ายน้ำก็จะเอนตะแคงตัวขนานไปกับพื้นทะเลเพื่อพรางตาศัตรู  ทำให้ตาทั้งสองข้างของมันค่อย ๆ เคลื่อนมาอยู่ที่ริมปากบน  สีลำตัวของปลาลิ้นหมาจะใกล้เคียงกับสีของพื้นทะเล  หากสีพื้นทะเลเปลี่ยนไปมันก็สามารถเปลี่ยนสีตามได้เช่นเดียวกัน  เพื่อหลบซ่อนศัตรู



วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556

จิงโจ้มีถุงใส่ลูก

ทำไมแม่จิงโจ้ถึงมีถุงหน้าท้องสำหรับใส่ลูก

จิงโจ้ตัวเมีย

จิงโจ้มีขาคู่หน้าสั้นคู่หลังยาวและแข็งแรง  ใช้กระโดดได้ไกล ๆ หางยาวแข็งแรงเป็นอวัยวะช่วยในการทรงตัว  ตัวเมียออกลูกเป็นตัวไม่มีรกติดออกมา  มีถุงหน้าท้องสำหรับใส่ลูกอ่อน  ส่วนตัวผู้จะไม่มีถุงที่หน้าท้อง 

จิงโจ้ตัวผู้
เมื่อลูกจิงโจ้คลอดออกมา  จะมีความยาวไม่ถึง  2  เซนติเมตร  น้ำหนักไม่ถึง  1  กรัม  ดูแล้วคล้ายไส้เดือนเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง  หากปล่อยให้เจ้าลูกจิงโจ้ที่ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่มาเผชิญกับโลกภายนอกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย  แม่จิงโจ้จึงมีถุงใส่ลูก 
ลูกจิงโจ้วัยอนุบาลจะปีนเข้าไปในถุง  และจะคาบหัวนมแม่ไว้ไม่ยอมปล่อย  ลูกจิงโจ้จะอาศัยอยู่ในถุงแม่จิงโจ้ประมาณ  230  วัน  จึงจะออกมาจากถุง
ประเภทของจิงโจ้ในประเทศออสเตรเลียมีหลายชนิด  ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือจิงโจ้ยักษ์และจิงโจ้แดง  รูปร่างของพวกมันสูงถึง  2  เมตร  จิงโจ้สามารถกระโดดไปได้ไกล  6-7  เมตร  หากอยู่ในที่ลาดเอียงก็จะกระโดดไปได้ไกลถึง  12  เมตร  จิงโจ้จึงเหมาะกับตำแหน่งเจ้าแห่งการดีดตัวกระโดดในโลกของสัตว์อย่างแท้จริง

วันพุธที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556

หมีขาวไม่กลัวหนาว

ทำไมหมีขาวขั้วโลกเหนือจึงไม่กลัวหนาว

หากแพนกวินเป็นเจ้าบ้านแห่งขั้วโลกใต้  หมีขาวก็เป็นราชาแห่งขั้วโลกเหนือ  แม้หมีขาวจะอาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนืออันหนาวเหน็บ  แต่เราก็ยังเห็นหมีขาวอาศัยอยู่บนพื้นน้ำแข็งที่ไกลสุดลูกหูลูกตานั้นได้  เหตุที่มันทนหนาวได้เพราะมีขนที่ละเอียดแน่นไปทั้งตัว  ขนบนร่างกายของหมีแบ่งเป็นสองชั้น  ขนชั้นนอกตั้งตรงและหยาบ  สามารถดูดแสงอาทิตย์ที่ส่องเข้าร่างกายได้ทั้งหมด  ส่วนขนชั้นในเป็นขนอ่อนสั้นและละเอียด  ระหว่างขนทั้งสองชั้นนี้จะเต็มไปด้วยอากาศ  จึงช่วยกักเก็บความร้อนในร่างกายได้ 

นอกจากนี้หูและอุ้งเท้าของหมีขาวยังมีขนหนา  ขนหนาใต้เท้าของหมีขาวยังช่วยเพิ่มแรงเสียดทานระหว่างเท้ากับพื้น  ทำให้มันไม่ลื่นล้มเวลาเดินบนพื้นน้ำแข็งได้อีกด้วย

เมื่อใกล้คลอดแม่หมีจะขุดโพรงทำรัง  แล้วปล่อยไออุ่นออกมาทำให้รังหิมะเกิดความอบอุ่นเท่านี้มันก็คลอดลูกหมีออกมาอย่างสบายและปลอดภัยแล้ว  ลูกหมีที่เพิ่งคลอดจะยังไม่มีขน  จึงต้องซุกอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของแม่หมีอยู่เสมอ

วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2556

งวงช้าง

งวงช้างมีประโยชน์อะไรบ้าง

งวงช้างหรือจมูกช้างนั้นไม่เพียงแต่ใช้หายใจและดมสิ่งของเท่านั้น  แต่ยังมีประโยชน์ในการรับรู้การสัมผัสด้วย  และยังใช้ดื่มน้ำ  ถอนหญ้า  เก็บใบไม้  ใช้พ่นน้ำให้ตัวเองเวลาอาบน้ำ  ใช้อุ้มช้างตัวน้อยพากลับบ้าน  หรือใช้แลกเปลี่ยนอารมณ์  ถ่ายทอดข่าวสารเมื่อยามสงครามขณะข้าศึกโจมตีก็ได้  ช้างที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้วสามารถใช้งวงเป่าเมาท์ออร์แกนได้  งวงช้างจึงเป็นเครื่องมือสารพัดประโยชน์

ภายในงวงยาวนี้มีกล้ามเนื้อเล็ก ๆ ที่มีความยืดหยุ่นอยู่เกือบ  40,000  มัด งวงของมันจึงยืดหดได้อย่างคล่องแคล่วและเคลื่อนไหวได้อย่างปราดเปรียว


เหตุที่ช้างใช้งวงดื่มน้ำแล้วไม่สำลักนั้น  เพราะท่ออาหารหลังท่อหายใจของช้างมีกระดูกอ่อนชิ้นหนึ่ง  เมื่อช้างใช้งวงดูดน้ำเข้ามาระดูกอ่อนชิ้นนี้ก็จะปิดปากทางท่อหายใจ  เท่านี้น้ำก็จะไม่เข้าไปในปอดแล้ว

วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2556

นกแร้งหัวล้าน

ทำไมหัวและคอของนกแร้งจึงไม่มีขน


นกส่วนใหญ่จะมีขนขึ้นเต็มตัว  บ้างก็มีสีสันสดใส  บ้างก็ขึ้นมาอย่างเป็นระเบียบ  แต่มีนกชนิดหนึ่งที่นอกจากจะไม่มีขนที่สวยงามแล้ว  ส่วนหัวและลำคอก็ยังไม่มีขนปกคลุมอีกต่างหาก  นกที่ว่านี้คือ  นกแร้ง 


อาหารหลักของนกแร้งคือ  ซากสัตว์ที่เน่าเปื่อยแล้ว  และระหว่างที่กินอยู่นั้น  หัวและคอของมันจะโดนเลือดและเชื้อโรคจำนวนมากได้ง่าย  หากตรงสองส่วนนี้มีขนขึ้นหนาแน่น  จะทำให้เชื้อโรคหลบอยู่ภายในขนจนทำให้นกแร้งไม่สบายได้  นอกจากนี้เมื่อกินเสร็จนกแร้งจะไปตากแดด  การที่หัวและคอไม่มีขนจึงทำใหมันทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคได้ง่าย  ดังนั้นการที่นกแร้งไม่มีขนขึ้นบริเวณหัวและคอก็เป็นผลจากการที่ร่างกายได้ปรับตัวให้เข้ากับสภาพการดำรงชีวิตนั่นเอง



คอที่ไร้ขนของนกแร้งนั้นยังมีประโยชน์อีกคือ  โดยทั่วไปแล้วหน้าของนกแร้งจะเป็นสีน้ำตาลแก่  ตรงคอเป็นสีฟ้าตะกั่ว  แต่ว่าเวลากินอาหารนั้นสีของคอจะเปลี่ยนเป็นสีแดงสด  เพื่อเตือนให้นกแร้งตัวอื่นหลีกไปไกล ๆ  และ นกแร้งจะทิ้งชิ้นกระดูกจากที่สูง ๆ เพื่อกระแทกกระดูกให้แตก มันจะได้กินไขกระดูกข้างในได้สะดวก

ปูเดินเอียง

ทำไมปูต้องเดินในแนวขวาง


มีสัตว์จำนวนมากที่อาศัยสนามแม่เหล็กบนพื้นในการหาทิศทางการเคลื่อนที่  โดยเฉพาะสัตว์ที่มีพฤติกรรมการย้ายถิ่นตามฤดูกาลหรืออพยพย้ายถิ่น  ปูถือเป็นสัตว์ที่มีพฤติกรรมการย้ายถิ่นที่อยู่มาตั้งแต่โบราณกาล  และอาศัยสนามแม่เหล็กในการหาทิศทางเช่นกัน  ภายในหูของปูจะมีวัตถุแม่เหล็กขนาดเล็กเป็นตัวกำหนดทิศทาง  วัตถุแม่เหล็กนี้จะไวมากกับสนามแม่เหล็กบนพื้น

ช่วงเวลาอันยาวนานในการก่อตัวของโลกนั้น  ขั้วแม่เหล็กเหนือและใต้ของโลกได้พลิกกลับไปกลับมาอยู่หลายครั้ง  วัตถุแม่เหล็กภายในหูของปูที่แต่เดิมมีความสามารถกำหนดทิศทางได้ก็หายไป  ดังนั้นเพื่อให้ดำรงชีวิตอยู่ในสนามแม่เหล็กที่กลับไปกลับมาได้  ปูจึงไม่เดินไปข้างหน้าและไม่ถอยหลัง  แต่เลือกที่จะเดินในแนวขวางแทน  ด้วยโครงสร้างอันพิเศษของปูที่มีแปดขาที่ยื่นออกมาจากลำตัวสองข้าง  ประกอบกับข้อต่อของขาหน้าที่งอได้  ทำให้ปูเดินได้แต่ในแนวขวางเท่านั้น

วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2556

ยีราฟคอยาว

คอของยีราฟทำไมถึงยาวเช่นนี้


ยีราฟมีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา  บริเวณเขตทุ่งหญ้าและเขตชายป่าทางตอนใต้ในทะเลทรายซาฮารา  เป็นสัตว์ที่มีรูปร่างสูงที่สุดในโลกในบรรดาสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่  ตัวเมียสูงประมาณ 4 เมตร  ตัวผู้สูงที่สุดประมาณ 7 เมตร


 
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ยีราฟมีรูปร่างสูงนั้นเป็นเพราะมีคอยาว  คอของยีราฟทั่วไปจะยาวประมาณ 2 เมตร  จริง ๆ แล้วบรรพบุรุษของยีราฟไม่ได้คอยาวเท่าปัจจุบัน  แต่เป็นเพราะในอดีตที่นานแสนนานมาแล้วสภาพแวดล้อมที่ยีราฟอาศัยอยู่มีการเปลี่ยนแปลง  คือ  เกิดภัยแล้ง  หญ้าเขียวบนพื้นดินค่อย ๆ หายากขึ้น  ยีราฟจึงต้องกินใบไม้บนต้นไม้แทน  ทุก ๆ วันมันจะต้องออกแรงยืดคอเพื่อกินใบไม้บนต้นไม้  นานวันเข้า  คอของมันจึงยาวขึ้นเรื่อย ๆ และยิ่งเมื่อไ้ด้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมต่อ ๆ กันมา  คอของยีราฟในรุ่นหลัง ๆ จึงยาวขึ้น 





จริง ๆ แล้วคอยาว ๆ ของยีราฟก็มีข้อเสีย  เพราะคอที่ยาวเกินกว่าอากาศในส่วนปอดจะไหลผ่านไปถึงเส้นเสียงนั้น  ก็ไม่มีเสียงออกมาแล้ว  ยีราฟจึงส่งเสียงเหมือนสัตว์ประเภทอื่นไม่ไ้ด้

ปลาบิน

ปลาบิน บินได้จริงหรือ


ปลาบิน หรือ ปลานกกระจอก  อาศัยอยู่ในทะเลและมหาสมุทรน้ำอุ่น  "ปีก" ของปลานกกระจอกไม่สามารถกระพือขึ้นลงได้เหมือนปีกนก  เพราะวิวัฒนาการมาจากครีบช่องท้ิอง  จึงทำให้ปลานกกระจอกบินได้ไม่อิสระเหมือนนก  





โดยปกติแล้ว ปลานกกระจอกจะบินได้สูงเพียง  5-6  เมตร  และไกลได้เพียง  100  เมตรเท่านั้น  สาเหตุที่มันต้องบินก็เพื่อหลบหนีศัตรู  เช่น  ฉลาม  ปลาอินทรี  ปลานกกระจอกอาศัยลำตัวที่กลมเป็นทรงกระบอก  บวกกับการว่ายด้วยความเร็วสูง  กระโจนขึ้นเหนือน้ำแล้วกางครีบอกออก  มันจึงร่อนหนีไปได้อย่างรวดเร็ว


แมลงปอแตะผิวน้ำ

ทำไมแมลงปอต้องบินไปแตะผิวน้ำ

ในหน้าร้อน  เราจะเห็นแมลงปอสองตัวบินอยู่ด้วยกัน  ตัวหนึ่งบินอยู่ข้างหน้าและอีกตัวหนึ่งบินอยู่ข้างหลังเสมอ  บางครั้งก็กัดหางของอีกฝ่าย  ที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือ  พวกมันจะบินไปแตะบนผิวน้ำราวกับว่ากำลังเล่นน้ำอยู่ การกัดหางกันนั้นถือว่าเป็นการผสมพันธุ์กันของแมลงปอ  เมื่อถึงฤดูขยายพันธุ์  แมลงปอตัวผู้และตัวเมียที่บินไปเป็นคู่ก็ผลัดกันกัดหางของอีกฝ่าย  เมื่อผสมพันธุ์เสร็จก็จะบินไปแตะผิวน้ำ

แมลงปอก็เหมือนแมลงอื่น ๆ เช่น ยุง  ตัวต่อ  ที่เลือกจะวางไข่ที่ได้รับเชื้อแล้วในน้ำ  เพื่อให้ฟักตัวและสืบพันธุ์เป็นรุ่นต่อ ๆ ไป  ดังนั้น  แมลงปอจะเอาหางแตะบนผิวน้ำเืพื่อปล่อยไข่ลงไป  เมื่อไข่ลงไปในน้ำแล้วจะไปติดบนหญ้า  ไม่นานก็จะกลายเป็นตัวอ่อน  ซึ่งตัวอ่อนนี้แม้ว่าจะมีขา  3  คู่  แต่ก็ยังไม่มีปีก  





หลังจากตัวอ่อนอาศัยอยู่ในน้ำประมาณ  1-2  ปีแล้ว  ก็จะปีนกิ่งไม้ของพืชที่อยู่ในน้ำขึ้นมาจนโผล่พ้นผิวน้ำ  แล้วลอกคราบกลายเป็นแมลงปอกางปีกบินไปในท้องฟ้า

วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556

ม้ายืนหลับ

ทำไมม้าต้องยืนหลับ



ม้ายืนหลับได้เช่นเดียวกับวัวและแกะ  บรรพบุรุษของมันคือม้าป่า  อาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่จึงถูกจู่โจมจากสัตว์ป่าที่ดุร้ายเสมอ  ม้าป่าไม่มีอาวุธป้องกันตัวเหมือนสัตว์บางประเภท  แต่อวัยวะในการรับรู้ของม้าเจริญพัฒนาไปมาก  คือ  ม้ามีตาโตและอยู่ในตำแหน่งสูง  บวกกับคอที่ค่อนข้างยาว  ทำให้มองเห็นได้ไกลแม้เวลาก้มลงกินหญ้าก็ยังรู้สึกถึงภัยรอบตัวได้  มันจึงต้องระแวดระวังตลอดเวลา  แค่เพียงลมพัดต้นหญ้ามันก็วิ่งหนีไปได้อย่างรวดเร็ว  ด้วยเหตุนี้มันจึงสืบทอดนิสัยยืนหลับมาจากบรรพบุรษ

 
ระบบประสาทของม้าพัฒนาไปมาก  มีสัญชาตญาณ  ความจำและการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม  การรับรู้ทิศทางก็ดีมาก  มันจึงหาทางกลับบ้านได้  และเพราะมีความจำและการรับรู้ทางสายตาที่ดี  หากได้พบกับสถานที่หรือสิ่งที่เคยทำให้มันกลัวอีกเป็นครั้งที่สอง  มันก็จะหวาดกลัวไม่กล้าเข้าใกล้อีก

ในทุก ๆ วัน  ม้าต้องเดินเป็นระยะทางไกล  กล้ามเนื้อใต้กีบเท้าของม้าจึงถูกทำลายได้ง่าย  ซึ่งจะเกิดผลกระทบต่อการเดิน  คนจึงใส่เหล็กเกือกม้าเพื่อปกป้องกีบม้าไว้


วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2556

ลิงเลียนแบบ

ทำไมลิงจึงเลียนแบบการกระทำของคนได้

ลิงนอกจากจะซนแล้วยังดื้อมากอีกด้วย  ลิงเป็นเครือญาติที่ใกล้เคียงกับมนุษย์  จัดอยู่ในประเภทสัตว์ชั้นสูง  ระดับวิวัฒนาการของสมองลิงเมื่อเทียบกับมนุษย์นั้นค่อนข้างใกล้เคียงกัน 
ดังนั้นความจำของ ลิงและความสามารถในการคิดและการเลียนแบบต่าง ๆ ของลิงจึงดีมาก  มันจึงเคลื่อนไหวซับซ้อนได้  นอกจากนี้ขาหลังของลิงยาวกว่าขาหน้า  ทำให้มันยืนตรงได้  นิ้วหัวแม่มือก็ยาวกว่าอีกสี่นิ้ว  จึงหยิบจับสิ่งของได้  ปัจจัยทั้งหมดนี้ส่งผลดี  ทำให้ลิงเลียนแบบการเคลื่อนไหวของมนุษย์ได้
ลิงที่อยู่ในสวนสัตว์มักจะยัดอาหารคำโต ๆ เข้าปากอยู่เสมอ  เพื่อซ่อนไว้ที่กระพุ้งแก้มในช่องปากทั้งสองข้างก่อน  เมื่อไม่มีใครมาแย่งแล้ว  มันถึงจะเคี้ยวอย่างละเอียดและค่อย ๆ กลืนลงท้องไป
ภาพโดย เด็กชายขรรค์ชัย  จันทรรังศรี (น้องเปตอง)
 




วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556

สุนัขดมกลิ่น

ทำไมสุนัขต้องดมกลิ่นไปทุกที่



สุนัขมักชอบกระดิกหางและวิ่งไปมาทุกที่เพื่อดมกลิ่น  การรับรู้กลิ่นของสุนัขนั้นไวมาก  เหตุที่พวกมันดมกลิ่นไปมาตามมุมต่าง ๆ ก็เพื่อหาว่ามีสุนัขตัวอื่นมาปัสสาวะตรงจุดนั้นหรือยัง  ถ้ามี  ก็แสดงว่าเขตนั้นมีตัวอื่นครอบครองแล้ว 


สุนัขที่มีประสบการณ์มาก ๆ ยังสามารถดมรู้ด้วยว่าสุนัขที่ครอบครองถิ่นนั้นตัวเล็กหรือใหญ่  มีกำลังมากกว่าตนหรือไม่  หากรู้สึกว่าสุนัขตัวนั้นเก่งกว่าตน  ก็จะไปหาพื้นที่อื่นแทน  แต่ถ้าคิดว่ามันสามารถเอาชนะสุนัขตัวนั้นได้มันก็จะครอบครองพื้นที่ตรงนั้น





บรรพบุรุษของสุนัขก็คือหมาป่า  เนื่องจากป่าเขามีหญ้าต่าง ๆ ขึ้นอยู่จำนวนมาก  ก่อนจะนอนบนหญ้า  หมาป่าก็จะกลิ้งตัวลงบนพื้นหญ้านั้นให้เรียบเสียก่อนจะได้นอนสบาย ๆ จากนั้นจึงค่อย ๆ ล้มตัวลงนอน  แม้สุนัขปัจจุบันจะมีที่นอนสบายแล้ว  แต่ก็ยังสืบทอดนิสัยมาจากบรรพบุรุษ  นั้นคือ  ก่อนจะนอนพื้นก็จะกลิ้งตัวก่อน
สุนัขจะกระดิกหางเมื่อเจอเจ้าของก็เพื่อแสดงอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง  เมื่อสุนัขโกรธหรือตื่นเต้น  หางจะกระดิกชี้ขึ้น  แต่เวลากลัวหางจะลู่ลงระหว่างขาหลังทั้งสอง

วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556

นางเงือกสวย

นางเงือกสวยจริงเหมือนในตำนานหรือเปล่า

ภาพเจ้าหญิงเงือกแสนสวยที่มีผมยาวปลิวไสว  และมีหางเหมือนปลาเป็นที่ติดตาตรึงใจของผู้คนมากมายนั้น  แต่จริง ๆ แล้วเงือกเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในทะเลเรียกว่า  พะยูน  พะยูนไม่ใช่สัตว์ประเภทปลา  แต่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม  และหน้าตาก็ค่อนข้างขี้เหร่ด้วย 


นิสัยของพะยูนนั้นจะอุ้มลูกไว้ที่อกให้กินนมในท่ากึ่งนอน  ทำให้ส่วนหัวและส่วนหน้าอกโผล่พ้นผิวน้ำจนดูเหมือนท่าทางของผู้หญิงสาวที่กำลังให้นมลูกอยู่  ดังนั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่อาศัยในทะเลที่ชอบอยู่โดดเดี่ยวตัวนี้  จึงกลายเป็นเงือกในตำนานไป

พะยูนเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมประเภทวัวทะเล  เมื่อก่อนอาศัยอยู่บนบก  แต่เมื่อพื้นดินเปลี่ยนเป็นพื้นน้ำ  พะยูนก็ลงไปอาศัยอยู่ในน้ำ  เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป  ร่างกายของมันจึงเปลี่ยนให้คล้ายปลา  ขาหน้าเปลี่ยนเป็นครีบ  ขาหลังหายไป  หางก็เปลี่ยนไปคล้ายหางปลา 





พะยูนมีกระเพาะถึง  4  กระเพาะ  ระบบย่อยอาหารก็ดีมาก  ดังนั้น  วันหนึ่ง ๆ มันจึงเอาแต่เคี้ยวพืชจำพวกสาหร่ายทะเลและหญ้าทะเล




ภาพโดย เด็กชายขรรค์ชัย  จันทรรังศรี (น้องเปตอง)


นกพิราบสื่อสาร

นกพิราบสื่อสารหาทางกลับบ้านได้อย่างไร



เหตุที่นกพิราบหาทางกลับบ้านจากที่ไกล ๆ ได้นั้น  เพราะมันมีประสาทสัมผัสในการแยกแยะทิศทางอยู่มากมาย  นกพิราบมีเหล็กออกไซด์ในเซลล์ประสาทที่จะงอยปาก  สามารถสนองตอบต่อสนามแม่เหล็กได้  มันจึงมีประสาทสัมผัสที่รับรู้ถึงพลังแม่เหล็กได้เหมือนเข็มทิศ 

สิ่งนี้ทำให้นกพิราบเหมือนกับนกประเภทอื่นรวมถึงเต่าทะเลที่สามารถใช้สนามแม่เหล็กของโลกในการนำทาง  หากท้องฟ้าแจ่มใสนกพิราบจะใช้แสงอาทิตย์นำทาง  หากท้องฟ้ามืดครึ้มหรือเป็นเวลากลางคืนก็ใช้สนามแม่เหล็กของโลกนำทาง  นอกจากนี้นกพิราบยังมีจมูกที่ไวต่อกลิ่น  ดังนั้นมันจึงใช้กลิ่นในการหาทางกลับบ้านได้อีกด้วย

นกพิราบมักอยู่ด้วยกันเป็นคู่เสมอ  หากจับคู่กันแล้วก็จะไม่เปลี่ยนคู่ไปตลอดชีวิต  หากคู่ของมันตายไป อีกฝ่ายก็จะใช้คอของตนเองลูบไล้ไปที่ร่างคู่ของมัน  เพื่อแสดงความโศกเศร้าและอาลัยอาวรณ์  นกพิราบพันธุ์ดีนั้นต้องมีหัวใหญ่  ลูกตาสุกใส  ลูกตาดำ  ตอบสนองฉับไว  บ่ากว้าง  หน้าอกแบนราบ  ปีกกว้างและแข็งแกร่ง  ขาสั้นแต่เล็บคม  น้ำหนักไม่เกิน  450  กรัม




ภาพโดย เด็กชาย ขรรค์ชัย  จันทรรังศรี  (น้องเปตอง)


กบพยากรณ์อากาศ

ทำไมกบถึงพยากรณ์อากาศได้




กบไม่เพียงแต่เป็นนักร้องเท่านั้น  มันยังเป็นนักพยากรณ์อากาศที่มีชื่อเสียงอีกด้วย  หากว่ากบอยู่นิ่งบนต้นไม้แสดงว่าวันนั้นท้องฟ้าจะปลอดโปร่ง  แต่ถ้ากบกระโดดลงมาจากต้นไม้ แล้วนั่งยอง ๆ บนพื้น  วันนั้นท้องฟ้าจะมืดครึ้ม 


                   
ทั้งนี้เพราะว่าเมื่อท้องฟ้าปลอดโปร่ง  อากาศจะแห้ง  แมลงจึงบินได้ค่อนข้างสูง  กบจึงต้องปีนขึ้นไปจับแมลงบนต้นไม้  เมื่อฝนตกความชื้นในอากาศมีมาก  ปีกของแมลงจะมีหยดน้ำเกาะ  ทำให้บินได้ไม่สูง  กบจึงรอพวกแมลงอยู่ที่พื้นดิน  ด้วยเหตุนี้คนจึงสามารถตัดสินสภาพอากาศได้จากการปีนขึ้นลงของกบ




กบเป็นนักเปลี่ยนสีมือฉมัง  ฤดูร้อนผิวของกบจะเปลี่ยนเป็นสีอ่อน  เมื่อถึงฤดูหนาวสีผิวจะเปลี่ยนเป็นสีเข้ม  ปกติแล้วกบจะมีสีเข้มแต่เมื่ออยู่ในที่ที่มีแสงแดดหรือปีนขึ้นไปบนสิ่งที่มีสีจืดชืด  ผิวของมันก็จะเปลี่ยนเป็นสีอ่อน  หากอยู่ในที่มืด  ผิวของกบก็จะเปลี่ยนเป็นสีมืดเข้มทันที



ภาพโดย เด็กชาย ขรรค์ชัย  จันทรรังศรี  (น้องเปตอง)


วันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2556

พ่อม้าน้ำคลอดลูก

พ่อม้าน้ำคลอดลูกได้จริงหรือ??

สิ่งที่ทำให้คนประหลาดใจมากเกี่ยวกับม้าน้ำ  ก็คือ  พ่อม้าน้ำคลอดลูกได้  พ่อม้าน้ำจะมีถุงหน้าท้องอยู่ใบหนึ่ง  เมื่อฤดูผสมพันธุ์  แม่ม้าน้ำจะวางไข่ไว้ในถุงนี้  พ่อม้าน้ำก็จะปล่อยอสุจิเข้าผสมกับไข่และฟักเป็นตัวอ่อนภายในถุงหน้าท้องนั้น  เมื่อครบ 14 วัน  พ่อม้าน้ำจะบีบกล้ามเนื้อส่วนท้องและพ่นลูกม้าน้ำนับร้อย ๆ ตัวให้ออกจากถุงหน้าท้องเหมือนแม่ที่คลอดลูก
 






แม้ดูภายนอกม้าน้ำกับปลาจะแตกต่างกัน  แต่ม้าน้ำก็ใช้เหงือกในการหายใจซึ่งเป็นลักษณะเด่นของปลาเช่นเดียวกัน  ม้าน้ำจึงจัดว่าเป็นปลาชนิดหนึ่ง  เมื่อเจอศัตรูม้าน้ำไม่มีอาวุธอะไรในการป้องกันตัว  แต่มันจะหลบซ่อนอยู่ในพงหญ้าทะเลที่หนาแน่น  หรือตามปะการัง  เก็บเนื้อเก็บตัวไม่ออกไปไหน  ม้าน้ำบางชนิดยังสามารถเปลี่ยนสีให้เข้ากับสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวได้ด้วย


นอกจากนี้เท้าของม้าน้ำยังมีหนามแหลมคม  มันจึงคว้าหญ้าทะเลที่ลอยล่องอยู่ในน้ำได้อย่างรวดเร็ว  เพื่อใช้ในการหลบศัตรู
ภาพโดย เด็กหญิง พรรษพร  พัฒนกิจ (น้องปอ ปอ)